รู้อย่างนี้ก็ชื่นใจ! จีนประกาศ "สู้จนถึงที่สุด" หลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีอีก 50%

Posted 8 days ago by Application Support

  • Topic is Locked
Application Support
Application Support Admin

กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์ว่า จีน "คัดค้านอย่างหนักแน่น" ต่อคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเพิ่มภาษีนำเข้า และยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ


สู้จนถึงที่สุด


คำแถลงนี้มีขึ้นหลังจากทรัมป์ประกาศว่า เขาจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 50% ในวันพุธ หากจีนไม่ยกเลิกการเก็บภาษี 34% ต่อสินค้าสหรัฐฯ ที่เริ่มใช้เมื่อสัปดาห์ก่อน


“การที่สหรัฐฯ ขู่จะขึ้นภาษีกับจีน เป็นความผิดพลาดซ้ำซ้อน จีนไม่มีวันยอมรับ และถ้าสหรัฐฯ ยืนยันจะทำ จีนก็พร้อมสู้จนถึงที่สุด” แถลงการณ์ระบุ ตามการแปลของ CNBC


เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังของจีนเพิ่งประกาศขึ้นภาษี 34% ต่อสินค้าจากสหรัฐฯ โดยจะเริ่มใช้ในวันที่ 10 เมษายน เพื่อตอบโต้การที่ทรัมป์เก็บภาษีจีน 34% เช่นกัน


“ภาษีล่าสุดนี้เป็นการเพิ่มจากเดิมที่มีการเก็บภาษี 10%-15% กับสินค้าทางการเกษตรและพลังงานจากสหรัฐฯ และแสดงให้เห็นว่าจีนเริ่มหมดความหวังว่าจะตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ได้” ตามความเห็นของ Gabriel Wildau กรรมการผู้จัดการจากบริษัท Teneo


“เมื่อรวมทั้งหมด ทรัมป์ได้เพิ่มภาษีกับสินค้าจีนเป็น 54% ภายในปีนี้ ทำให้อัตราภาษีนำเข้าถัวเฉลี่ยของสหรัฐฯ ต่อจีนพุ่งขึ้นถึง 65% ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอลงถึง 1.5-2%” ตามการประเมินของ Morgan Stanley


เตรียมตอบโต้


Tianchen Xu นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Economist Intelligence Unit กล่าวว่า “เมื่อจีนเผชิญภาษีมากกว่า 60% อยู่แล้ว การเพิ่มอีก 50% หรือ 500% ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก แสดงว่าจีนพร้อมเข้าสู่สงครามการค้าเต็มรูปแบบกับสหรัฐฯ”


เขาเสริมว่า “ตอนนี้จีนอยู่ในฝ่ายตั้งรับและทั้งสองฝ่ายกำลังทดสอบขีดจำกัดของกันและกัน”


หากความตึงเครียดยังเพิ่มขึ้น จีนอาจตอบโต้ด้วยมาตรการอื่น เช่น หยุดนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เก็บภาษีเพิ่มกับสินค้าสหรัฐฯ และขยายการควบคุมการส่งออกแร่และโลหะสำคัญ


จีนได้เริ่มจำกัดการส่งออกแร่หายากและสินค้าที่ใช้งานสองทาง (ทั้งพลเรือนและทหาร) ไปยังบริษัทสหรัฐฯ บางแห่ง และขึ้นบัญชีดำบริษัทอเมริกันบางราย โดยมีข้อจำกัดเพิ่มเติมในการดำเนินธุรกิจในจีน


ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตรากลางของหยวนไว้ที่ 7.2038 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดตั้งแต่กันยายน 2023 โดยหยวนสามารถแกว่งในกรอบ 2% รอบอัตรานี้


Robin Brooks นักวิเคราะห์จาก Brookings Institution ระบุว่า “การปล่อยให้หยวนอ่อนลงเป็น [สัญญาณชัดเจน] ว่าจีนกำลังเตือนสหรัฐฯ ว่าอาจลดค่าเงินเพิ่มเติม หากความตึงเครียดยังไม่คลี่คลาย”


แม้จะเผชิญแรงกดดันจากตลาดการเงินและความไม่พอใจจากพันธมิตร แต่ทรัมป์ยังไม่มีท่าทีจะถอย โดยเขาโพสต์ใน Truth Social ว่า “การเจรจากับจีนที่พวกเขาร้องขอจะถูกยกเลิกทั้งหมด!”


Xu ทิ้งท้ายว่า “การปะทะอาจเป็นผลลัพธ์ในระยะสั้น แต่อีกไม่นานทั้งสองฝ่ายจะต้องหันมาเจรจา เมื่อเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ”


ผลกระทบต่อตลาดคริปโทฯ


การประกาศขึ้นภาษีของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากจีนส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาของ Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ราคา Bitcoin ลดลงถึงระดับต่ำสุดในปี 2025 ที่ประมาณ 74,560 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ Ethereum ลดลงเหลือประมาณ 1,411 ดอลลาร์สหรัฐฯ


ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น คริปโทเคอร์เรนซี ส่งผลให้เกิดการเทขายและการชำระบัญชีที่ใช้เลเวอเรจสูง โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการชำระบัญชีมูลค่ากว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ


นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยหุ้นของ Coinbase ลดลงประมาณ 6% และ MicroStrategy ลดลงมากกว่า 7%


ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนได้สร้างความผันผวนและความไม่แน่นอนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีอย่างมีนัยสำคัญ


Disclaimer


  • ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ และเป็นข้อมูลที่อาจเชื่อได้ว่ามีความน่าจะเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ บริษัทมิได้ยืนยันหรือรับรองถึงความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด ข้อความตามบทความนี้ เป็นข้อเท็จจริง และ/หรือ ความคิดเห็นของเจ้าของบทความ ณ วันที่แสดงผลในช่องทางที่บริษัทกำหนดเท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็นดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังจากวันที่บทความนี้ถูกเผยแพร่ออกไป บริษัทจึงใคร่ขอให้ผู้อ่านศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านเพื่อให้มีข้อมูลเพียงพอต่อการประกอบการตัดสินใจที่ดียิ่งขึ้น
  • ข้อมูลตามบทความฉบับนี้ที่บริษัทได้จัดให้มีการเผยแพร่นั้นไม่มีผลผูกพันต่อบริษัทแต่อย่างใด บริษัทเพียงนำข้อมูลมาแสดงเพื่อให้นักลงทุนสามารถใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น นักลงทุนจึงควรใช้ดุลพินิจในการพิจารณาตัดสินใจก่อนการลงทุนด้วยตนเอง
  • การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูงที่อาจก่อให้เกิดผลขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ จึงไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทุกคน ทั้งนี้ ก่อนการตัดสินใจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ท่านควรพิจารณาถึงฐานะทางการเงิน วัตถุประสงค์ในการลงทุน ประสบการณ์ในการลงทุนของท่าน ตลอดจนความเสี่ยงที่ท่านสามารถยอมรับได้อย่างรอบคอบ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด ท่านควรพิจารณาถึงความเสี่ยงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และท่านควรตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง


รายงาน: Former Crypto Millionaire


เรียบเรียง: Former Crypto Millionaire


ที่มา: https://www.cnbc.com/2025/04/08/china-resolutely-opposes-trumps-50percent-tariff-threat-vows-retaliation.html


0 Votes


0 Comments