ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BlackRock 'ค่อนข้างมั่นใจมาก' ใน Bitcoin เนื่องจาก ETF ของบริษัทมีมูลค่าทะลุ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

โพสต์แล้ว 8 เดือน ที่ผ่านมา โดย Support WaanX

  • หัวข้อถูกล็อค
Support WaanX
Support WaanX ผู้ดูแลระบบ

Larry Fink ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของBlackRock กล่าวว่าเขา "ประหลาดใจเป็นอย่างมาก" กับผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหน่วยลงทุน (ETF) สำหรับ Bitcoin (BTC) ของบริษัทและยืนยันว่าเขา "มั่นใจมาก" สำหรับความสามารถในการดำรงอยู่ได้ในระยะยาวของBitcoin


IBIT มีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม


"IBIT คือETF ที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของETF ไม่มีอะไรได้รับสินทรัพย์เร็วเท่าIBIT ในประวัติศาสตร์ของETF" Larry Fink กล่าวในการสัมภาษณ์กับFox Business เมื่อวันที่27 มีนาคม


Fink กล่าวว่าผลการดำเนินงานของกองทุนiShares Bitcoin Trust (IBIT) นั้น "น่าประหลาดใจ" ที่มันทำผลงานได้ดีในช่วงแรกของการซื้อขายIBIT มีการเริ่มต้นที่แข็งแกร่งโดยมีการไหลเข้าสุทธิ1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ใน11 สัปดาห์แรกโดยมียอดสูงสุดประจำวันที่849 ล้านดอลลาร์เมื่อวันที่12 มีนาคมไม่เพียงเท่านั้นตามข้อมูลของFarside Investors ยังระบุอีกว่า IBIT มีการไหลเข้าเฉลี่ยของสินทรัพย์เกิน260 ล้านดอลลาร์ต่อวันทำการ


"เราสร้างตลาดที่มีสภาพคล่องมากขึ้นมีความโปร่งใสมากขึ้นและผมประหลาดใจอย่างมากผมไม่เคยคาดการณ์ว่าเราจะเห็นความต้องการจากนักลงทุนรายย่อยในระดับนี้" Fink กล่าว


เมื่อเขาถูกถามว่าIBIT จะสามารถ "ทำผลงานได้ดีแต่ไม่ดีขนาดนี้" Fink ตอบว่า "ใช่"


"ผมมั่นใจมากในความสามารถสำหรับการดำรงอยู่ได้ในระยะยาวของBitcoin" ซีอีโอของBlackRock เสริม


ปัจจุบันIBIT ถือครอง Bitcoin ทั้งหมด1.71 หมื่นล้านดอลลาร์ตามข้อมูลของBitMEX Research และใช้เวลาเพียงสองเดือนในการมีสินทรัพย์ภายใต้การดูแลทะลุ1 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับที่ETF ทองคำรายแรกใช้เวลาสองปีในการทำได้


จากทุกๆETF ที่ได้รับอนุมัติในปัจจุบัน มีเพียงGrayscale Bitcoin Trust เท่านั้นที่ถือครอง Bitcoin มากกว่า (2.36 หมื่นล้านดอลลาร์) อย่างไรก็ตามการถือครอง Bitcoin ของGrayscale ได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจากเดิมที่ถือ620,000 BTC ก่อนที่จะแปลงเป็นETF สำหรับBitcoin


ผู้ออกETF สำหรับ Bitcoin ทั้ง9 รายแรก (ไม่รวมGrayscale) ปัจจุบันถือครอง Bitcoin มากกว่า3.41 หมื่นล้านดอลลาร์โดยIBIT, Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund (FBTC) และARK 21Shares Bitcoin ETF (ARKB) เป็นผู้นำที่มีสินทรัพย์ไหลเข้ามากที่สุด


ไม่ใช่ทุกETF ที่จะอยู่รอด


ในขณะเดียวกันนักวิเคราะห์บางรายในอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าผู้ออกETF สำหรับBitcoin บางรายอาจต้องปิดตัวลงในที่สุดเนื่องจากขาดกำไร


"ส่วนใหญ่ของETF ในปัจจุบันที่เปิดตัวจะไม่สามารถทำกำไรได้เลยเนื่องจากต้นทุนจะคุ้มค่าก็ต่อเมื่อพวกเขามีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารถึงหลายพันล้านซึ่งพวกเขาอาจจะไปไม่ถึงจุดนั้น" Hector McNeil ซีอีโอร่วมและผู้ก่อตั้งHANetf ซึ่งเป็นผู้ให้บริการETF แบบWhite label บอกกับCoinTelegraph เมื่อเร็วๆนี้


ผู้ออกETF หลายรายได้ลดค่าธรรมเนียมลงเพื่อจะได้แข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่บางรายแต่ผู้ออก ETF รายเล็กเหล่านี้จะต้อง "เผชิญกับการต่อสู้ที่ยากลำบากกับยักษ์ใหญ่ในตลาด" Henry Jim นักวิเคราะห์ETF ของBloomberg ระบุ


"หากพวกเขาปรับค่าธรรมเนียมให้เท่ากันพวกเขาจะไม่มีรายได้เพียงพอที่จะอยู่รอดและหากพวกเขาไม่ลดค่าธรรมเนียมลงพวกเขาก็จะไม่สามารถระดมสินทรัพย์สุทธิที่เพียงพอเพื่อการอยู่รอด"


บริษัทบริหารสินทรัพย์Hashdex ได้รับอนุมัติETF สำหรับBitcoin ของตนเมื่อวันที่27 มีนาคมทำให้เป็นผู้เล่นหน้าใหม่รายที่11 และรายล่าสุดในตลาดETF สำหรับBitcoin ในสหรัฐอเมริกาที่มีการแข่งขันสูง


Disclaimer

  • ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ และเป็นข้อมูลที่อาจเชื่อได้่ว่ามีความน่าจะเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ บริษัทมิได้ยืนยันหรือรับรองถึงความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด ข้อความตามบทความนี้ เป็นข้อเท็จจริง และ/หรือ ความคิดเห็นของเจ้าของบทความ ณ วันที่แสดงผลในช่องทางที่บริษัทกำหนดเท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็นดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังจากวันที่บทความนี้ถูกเผยแพร่ออกไป บริษัทจึงใคร่ขอให้ผู้อ่านศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านเพื่อให้มีข้อมูลเพียงพอต่อการประกอบการตัดสินใจที่ดียิ่งขึ้น


  • ข้อมูลตามบทความฉบับนี้ที่บริษัทได้จัดให้มีการเผยแพร่นั้นไม่มีผลผูกพันต่อบริษัทแต่อย่างใด บริษัทเพียงนำข้อมูลมาแสดงเพื่อให้นักลงทุนสามารถใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น นักลงทุนจึงควรใช้ดุลพินิจในการพิจารณาตัดสินใจก่อนการลงทุนด้วยตนเอง 


  • การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูงที่อาจก่อให้เกิดผลขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ จึงไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทุกคน ทั้งนี้ ก่อนการตัดสินใจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ท่านควรพิจารณาถึงฐานะทางการเงิน วัตถุประสงค์ในการลงทุน ประสบการณ์ในการลงทุนของท่าน ตลอดจนความเสี่ยงที่ท่านสามารถยอมรับได้อย่างรอบคอบ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด ท่านควรพิจารณาถึงความเสี่ยงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และท่านควรตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง


ที่มา:https://cointelegraph.com/news/blackrock-bitcoin-etf-fastest-growing-etf-larry-fink

0 โหวต


0 ความคิดเห็น